กระดาษ (paper)
        กระดาษ หรือ paper มาจากภาษากรีกโบราณ เป็นชื่อเรียกวัสดุที่ใช้เขียนของชาวอียิปต์ คือ papyrus ซึ่งเป็นต้นอ้อชนิดหนึ่ง ชาวอิยิปต์จะทำกระดาษมาจากต้นอ้อชนิดนี้ เมื่อประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสต์กาล ส่วนชาวจีนทำกระดาษจากไม้ไผ่ ชาวญี่ปุ่นทำกระดาษจากต้นหม่อน และคนไทยสมัยก่อน ทำกระดาษจากต้นข่อย ที่เรียกว่า สมุดข่อย สมุดไท เป็นต้น







        จะเห็นว่าสมัยก่อนนั้น กระดาษทำมาจากต้นไม้ ซึ่งปัจจุบันก็เช่นกัน กระดาษก็จะทำจากต้นไม้ แต่ไม่ได้ทำจากต้นไม้ทั้งร้อยเปอร์เซนต์เหมือนสมัยก่อน เพราะเราต้องการกระดาษหลากหลายรูปแบบ หลากหลายสี จึงต้องเติมสารอื่นๆ อีกหลายอย่าง โดยปกติแล้ว ส่วนประกอบหลักของกระดาษจะเป็นส่วนที่เป็นเส้นใยหรือเรียกกันว่า "เยื่อกระดาษ" ประมาณร้อยละ 70-95 แล้วแต่ชนิดของกระดาษ เยื่อกระดาษจะประกอบด้วยเยื่อ 2 ชนิด คือ "เยื่อใยขาว" มีลักษณะหยาบ มีความแข็งแรงสูง ทำมาจากเนื่อไม้อ่อนเมืองหนาว ได้แก่ ไม้พวกสน และสปรูซ ซึ่งต้องนำเข้าจากเมืองนอก เมืองไทยปลูกไม้พวกนี้ไม่ได้ ส่วนเยื่อกระดาษอีกชนิดหนึ่งคือ "เยื่อใยสั้น" มีลักษณะละเอียด ไม่แข็งแรง แต่ทำให้กระดาษแน่น เรียบ ทำมาจากไม้เนื้อแข็งเมืองร้อน เช่น ยูคาลิปตัส กระถินเทพา เบิร์ช แอสเพน เป็นต้น 





นอกจากไม้แล้ว ยังต้องเติมสารต่างๆ เช่น 
"ผงแร่สีขาว" เพื่อให้กระดาษเรียบขึ้น ผิวขาวสว่างขึ้น และลดต้นการผลิต "สารต้านการซึมน้ำ" ทำให้กระดาษไม่เปียกน้ำได้ง่าย เติม "แป้ง" เพิ่มความเหนียวของกระดาษ และสารอื่นๆ อีกหลายชนิด เพื่อให้ได้กระดาษมีคุณสมบัติตามที่ต้องการ

สายพันธุ์ต้นกระดาษ

1.ต้นกระดาษพันธุ์ K7



ลำต้น แข็งตั้งตรงและเป็นเหลี่ยมเล็กน้อย สีน้ำตาลแดง ข้อห่าง ยอดอ่อนสีแดงเข้มถึง แดงอมชมพู มีนวลเล็กน้อย
ใบ สีเขียวเข้ม รูปหอกกว้าง (broad – lanceolate) ปลายใบเป็นติ่งแหลม ฐานใบมนถึง แหลม ขนาด 3.5x8.5 เซนติเมตร
ขอบใบสีแดงเป็นคลื่นใบเรียงตัวแบบตรงกันข้ามตั้งฉาก (opposite decussate)

 ผลผลิตที่ระยะปลูก 2 x 3 เมตร น้ำหนักเฉลี่ย 17 ตันต่อไร่ ต่อ 5 ปี
 ขอบเขตพื้นที่ปลูก เติบโตได้ดี ในพื้นที่ราบ และที่ราบต่ำ ที่มีความชื้นในดิน และอากาศปานกลางเนื้อดินเป็นดินร่วน ดินร่วนเหนียวปนทราย อุ้มน้ำดี หรือดินร่วนปนลูกรัง 
2.ต้นกระดาษพันธุ์ K62


ลักษณะไม้ใหญ่  ลำต้นกลมเปาตรง เปลือกเทา ทรงพุ่มหนาแน่น


คุณสมบัติ   เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนทรายถึงร่วนเหนียว ชอบที่ราบ ที่ราบลุ่ม ความชื้นดี

ข้อจำกัด ไม่ควรปลูกในพื้นที่ลุ่มตำ พื้นที่ที่มีดินดาน ไม่ควรเสี่ยงต่อการปลูกในพื้นที่ที่เสียงต่อการขาดน้ำ
3.ต้นกระดาษพันธุ์ K83

ลำต้น ลำต้นแข็งตั้งตรง ทรงเหลี่ยม ยอดอ่อนสีแดง
ใบ ใบสีเขียว รูปหอก (lanceolate) ปลายใบแหลม ฐานใบเป็นรูปลิ่ม ขอบใบเป็นคลื่น เส้น
กลางใบสีเหลือง ก้านใบสีแดงแกมเขียว ใบผลผลิต ให้ผลผลิตเฉลี่ย 23.7 ตัน/ไร่ ที่ระยะปลูก 1.5 x 3 เมตร (อายุ 5 ปี)ขอบเขตพื้นที่ปลูก ปลูกได้กับพื้นที่ทั่วไป เจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีดินร่วน ดินทราย หรือดินเหนี่ยว อาจเจริญเติบโตไม่ดีในดินลูกรังที่มีชั้นดาน ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ต่ำที่มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานานเกิน 2 สัปดาห์ และพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการกระทบแล้งเป็นเวลานานในช่วงปีแรกความต้านทานต่อโรค-แมลง ทนทานต่อแตนฝอยปม (Leptocybe invasa) ค่อนข้างต้านทานต่อโรคใบไหม้เรียงตัวแบบสลับ (disjunct early)
4.ต้นกระดาษพันธุ์ K58
ลำต้น กลม ตั้งตรง ข้อถี่ ยอดอ่อนสีแดงชมพู
ใบ บางสีเขียวอ่อนหนาแน่น รูปไข่ (ovate) ปลายใบเป็นติ่งหนามสั้น (apiculate) ฐานใบมน (obtuse) ขอบใบและแผ่นใบเรียบ ขนาด 5.5 x 8.0 เซนติเมตร ใบเรียงตัวแบบสลับ (alternate)
- ผลผลิตที่ระยะปลูก 2 X 3 เมตร น้ำหนักเฉลี่ย 15 - 20 ตันต่อไร่ ต่อ 5 ปี
- ขอบเขตพื้นที่ปลูก เติบโตได้ดี ในพื้นที่ราบ และพื้นที่ชื้นที่มีฝนตกมาก หรือตกไม่มากแต่ตกบ่อยๆ ระบายน้ำดี ไม่มีน้ำท่วมขัง ลักษณะดินเป็นดินที่อุ้มน้ำดี ดินร่วน มีหน้าดินลึก



5.ต้นกระดาษพันธุ์ G2


ลำต้นเหลี่ยม ใบรูปหอก  ความกว้างเฉลี่ย 3.52 ซม. ความยาวเฉลี่ย 8.50 ซม.

 ลำต้นทรงเหลี่ยม มีร่องใต้กิ่ง เปลือกติดทั่วลำต้น เปลือกชนิดเรียบเป็นแผ่น การลอกเปลือก เป็นแถบสั้น ใบรูปหอกแคบ กว้างเฉลี่ย 3.57 ซม. ยาวเฉลี่ย 18.49 ซม. ขอบใบเรียบ  ดอกเป็นช่อดอกเดี่ยว เกิดที่ซอกใบ มีดอก 5-7 ดอกต่อช่อ ก้านช่อดอกเป็นรูปทรงกระบอก ยาวเฉลี่ย 20.84 มม. กว้างเฉลี่ย 1 มม. รูปทรงของเกสรเพศผู้มีลักษณะงอเมื่อตัดตามแนวดิ่งของดอกตูม รูปทรง ของดอกตูมเป็นรูปกรวยประกบกัน  
6.ต้นกระดาษพันธุ์ H4


กล้ายูคาเนื้อเยื่อสายพันธุ์ H4
(โตเร็ว สม่ำเสมอ ให้ผลผลิตสูง ต้นทานแตนฝอยปม)
คุณสมบัติของสายพันธุ์
- โตเร็ว สม่่ำเสมอ ให้ผลผลิตสูง
- เนื้อแน่น เปลือกบาง ต้นใหญ่น้ำหนักดี
- ผลผลิต 22 ตัน/ไร่ /4 ปี
- ทนแล้งและทนโรค
- ต้านทานแมลงแตนฝอยปม
- ปลูกร่วมกับพืชเกษตรอื่นได้ดี
- ตัดขายแล้วแตกหน่อยได้ดี เก็บเกี่ยวผลผลิตได้หลายรอบ
- ออมเงินระยะยาว ชะลอการตัดได้ ไม่เน่าเสียเหมือนพืชเกษตรอื่น
จุดเด่นที่คุณสมบัติทนแล้ง ทนโรค และทนแมลง เช่น แมลงแตนปมฝอย กิ่งเล็ก เปลือกบางทำให้ได้เนื้อไม้ที่มากขึ้น โดยให้ผลผลิตไม้สูงถึง 12-24 ตันต่อไร่ที่อายุ 5 ปี และให้ผลผลิตเยื่อถึง 49% สามารถ ปลูกได้ทั้งในพื้นที่ราบระบายน้ำได้ดี และสามารถทนน้ำขังได้เป็นครั้งคราวในฤดูฝน เหมาะสำหรับการปลูกในที่ดินภาคตะวันตก ภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ราบ ดินเป็นกรด ดินร่วนปนทราย หรือดินร่วนเหนียวปนทราย เวลาเพียง 4-5 ปีก็ตัดขายได้ แล้วยังสามารถแตก โดยสามารถตัดได้ 3-4 รอบ ในรอบที่ 2 จะให้ผลผลิตที่มากกว่ารอบแรกถึง 30%

7.ต้นกระดาษพันธุ์ H8


ลูก ผสม H8 มีลักษณะเด่นคือ ทนโรคแมลง ปริมาณน้ำฝนมาก เหมาะสำหรับปลูกในพื้นที่ดอน หน้าตัดดินลึกกว่า 60 เซนติเมตร เนื้อดินร่วนเหนียวปนทราย ระบายน้ำดี ดินค่าความเป็นกรด ประมาณ pH 4.5-7.0 ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,300-2,500 มิลลิเมตร/ปี เช่น กาฬสินธ์ มุกดาหาร อุบลราชธานี เลย น่าน พิษณุโลก เชียงราย ฉะเชิงเทรา ฯลฯ    

8.ต้นกระดาษพันธุ์ H10


ลูก ผสม H10 มีลักษณะเด่นคือ ทนโรคแมลง ปริมาณน้ำฝนปกติ เหมาะกับพื้นที่ดอน ดินร่วนหยาบ ระบายน้ำดี หน้าตัดดินลึกกว่า 60 เซนติเมตร ดินค่าความเป็นกรด ประมาณ pH 4.5-7.0 ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,200-1,400 มิลลิเมตร/ปี เช่น กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุดรดิตถ์ น่าน เชียงใหม่ ลำพูน สุรินทร์ อุทัยธานี สระบุรี ฯลฯ   

9.ต้นกระดาษพันธุ์ H12


ลูก ผสม H12 มีลักษณะเด่นคือ ทนโรคแมลง ปริมาณน้ำฝนแล้งถึงปกติ เฉลี่ย 1,100-1,400 มิลลิเมตร/ปี เหมาะกับพื้นที่ดินด่างอ่อนๆ ค่า pH ประมาณ 5.0-7.5 เช่น กาญจนบุรี สิงห์บุรี นครสวรรค์ อุทัยธานี ราชบุรี นครปฐม อ่างทอง ชัยนาท อยุธยา ฯลฯ แต่ไม่แนะนำปลูกในพื้นที่ลุ่มที่มีน้ำขังใต้ดิน หรือพื้นที่หน้าดินตื้น หรือดินเหนียวจัด เพราะต้นยูคาลิปตัสจะไม่เติบโต

10.ต้นกระดาษพันธุ์ H14


ลูก ผสม H14 มีลักษณะเด่นคือ ทนโรคแมลง เหมาะกับพื้นที่ดินที่ลุ่มและดินเหนียว ปริมาณน้ำฝนแล้งถึงปกติ เฉลี่ย 1,100-1,400 มิลลิเมตร/ปี ค่า pH ประมาณ 4.5-7.0 เช่น เพชรบูรณ์ ลพบุรี กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี นครราชสีมา บุรีรัมย์ พิจิตร ชัยนาท มหาสารคาม มุกดาหาร สุรินทร์ ศรีสะเกษ ฯลฯ 

11.ยูคาลิปตัส  
เป็นพรรณไม้มีถิ่นกำเนิดในทวีปออสเตรเลีย เกาะแทสเมเนีย มีการกระจายพันธุ์ตั้งแต่หมู่เกาะมินดาเนา เซลีเบส ปาปัวนิวกินี ในพื้นที่ชุ่มที่มีน้ำขังในเขตร้อน มีมากกว่า 700 ชนิด

ในประเทศไทยเริ่มมีการนำเข้ามาปลูกครั้งแรกที่ พระที่นั่งวิมานเมฆ สมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปีพ.ศ. 2444


การผลิตกระดาษในอุตสาหกรรม
สำหรับกระบวนการผลิตกระดาษในระดับอุตสาหกรรมจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. การผลิตกระดาษจากเยื่อไม้
การผลิตกระดาษประเภทนี้ ในประเทศไทยนิยมนำไม้ยูคาลิปตัส และไม้สนมาเป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งเริ่มตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบ ด้วยการใช้เครื่องจักรตีปอกเปลือกออก หลังจากนั้น ทำการสับ และบดเนื้อไม้ให้เป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการต้มเยื่อ และแยกสารชนิดอื่นออก จากนั้น จะเข้าสู่การบดเยื่อ การฟอกสี การผสมเยื่อ การทำแผ่น การอบแห้ง การเคลือบผิว การขัดผิว การม้วนเก็บ และการตัดแผ่น ซึ่งจะมีรายลเอียดในกระบวนการที่ปลีกย่อยในแต่ละขั้นตอน

2. กระผลิตกระดาษจากกระดาษเก่า
การผลิตกระดาษประเภทนี้จะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการผลิตกระดาษแบบแรก เพราะกระบวนการจะน้อยลง และต้นทุนวัตถุดิบจะต่ำกว่า แต่จะเข้าสู่กระบวนการพื้นฐานทั่วไป คือ การตี และการบดเยื่อ การผสมเยื่อ การกำจัดหมึก และการทำแผ่นกระดาษ ซึ่งก็จะมีขั้นตอนปลีกย่อยเช่นกัน


ชนิดกระดาษตามการใช้งาน
1. กระดาษหีบห่อ (Packaging Paper)
เป็นกระดาษที่ผลิตขึ้นสำหรับการทำบรรจุภัณฑ์หรือห่อสิ่งของ หรือทำกล่องกระดาษนั่นเอง ซึ่งมักจะเป็นแผ่นบางๆสีน้ำตาลขนาดกว้างประมาณ 1 เมตร ก่อนจะนำเข้าสู่กระบวนการผลิตกล่องกระดาษ





2. กระดาษเขียนหรือกระดาษพิมพ์ (Printing or Writing Paper)
เป็นกระดาษที่ถูกใช้มากที่สุดในปัจจุบัน ทั้งในการศึกษา และจัดพิมพ์เอกสารในทางด้านธุรกิจ กระดาษเหล่านี้ ซึ่งมักผลิตออกมาในรูปแผ่นกระดาษบางๆ สีขาวหรือสีน้ำตาล มีหลายขนาด เช่น A4 A3 เป็นต้น กระดาษเหล่านี้ ได้แก่ สมุดเขียน กระดาษอาร์ต และกระดาษถ่ายเอกสาร เป็นต้น





ยี่ห้อกระดาษสำหรับสำนักงานหรืองานเอกสาร (กระดาษถ่ายเอกสาร)
– Double A : ผลิตโดย บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน)
– Quality : บริษัทในเครือ ดั๊บเบิ้ล เอ
– Idea : ผลิตโดย บริษัท ผลิตภัณฑ์กระดาษไทย จำกัด ( SCG)
– Green Read : บริษัทในเครือ SCG
– IQ : บริษัทในเครือ SCG
– Alcott : บริษัทในเครือ SCG
– Concord
– Roxy
– Shih Tzu
– Venus
– SB
– Turbo
– Smartist
– ฯลฯ


3. กระดาษทิชชู
กระดาษทิชชู หรือ มักเรียกว่า กระดาษชำระ เป็นกระดาษที่มีลักษณะเป็นแผ่นบางๆ แผ่นกระดาษพองตัว และมีน้ำหนักเบา สามารถซับน้ำได้ดี และสามารถฉีกให้ขาดได้ง่าย




4. กระดาษชนิดพิเศษ
กระดาษชนิดนี้มักทำขึ้นสำหรับกระบวนการพิมพ์ที่มีคุณภาพสูงหรือเป็นกระดาษที่ปลอมแปลงหรือเสื่อมสภาพได้ยาก อาทิ กระดาษพิมพ์ธนบัตร กระดาษทำฝาผนัง เป็นต้น


ประเภทของกระดาษ


กระดาษพิมพ์เขียนชนิดเคลือบผิว


  • กระดาษอาร์ตมันสองหน้า
  • กระดาษอาร์ตการ์ดสองหน้า
  • กระดาษอาร์ตด้าน
  • กระดาษอาร์ตมันหน้าเดียว
  • กระดาษอาร์ตคาร์บอนเลส

กระดาษพิมพ์เขียนชนิดไม่เคลือบผิว


  • กระดาษออฟเซ็ต สำหรับเทคโนโลยีงานพิมพ์แบบออฟเซ็ต
  • กระดาษถ่ายเอกสาร ใช้กับอุปกรณ์สำนักงานทั่วไป เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร โทรสาร เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ต เครื่องพิมพ์เลเซอร์ เป็นต้น
  • กระดาษคอมพิวเตอร์  เช่น ใบเสร็จรับเงิน
  • กระดาษขาวพรีเมี่ยมไวท์ / การ์ดสี
  • กระดาษแอร์เมล์ กระดาษสำหรับใช้งานพิมพ์หรือเขียนจดหมายส่งต่างประเทศ มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษกว่ากระดาษทั่วไป ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการส่งจดหมายซึ่งคิดตามน้ำหนักของกระดาษ
  • กระดาษถนอมสายตา หมายถึงกระดาษที่มีอัตราการสะท้อนแสงน้อยกว่ากระดาษทั่วไป ซึ่งจะมีสีที่หม่นกว่าปกติเล็กน้อย
  • กระดาษแบงค์สี หมายถึงกระดาษที่ใช้ในธนาคาร มีสีสันต่างๆ หลากหลาย

กระดาษชนิดพิเศษแบบเคลือบผิว


  • กระดาษอาร์ตอัดลาย
  • กระดาษอาร์ตการ์ดหน้าเดียว
  • กระดาษอาร์ตกึ่งมัน

กระดาษชนิดพิเศษแบบไม่เคลือบผิว


  • กระดาษการ์ดขาวกันเชื้อรา
  • กระดาษคั่นกระจก ใช้สำหรับสอดคั่นกลางระหว่างกระจกแต่ละแผ่น เป็นกระดาษที่ผ่านกรรมวิธีผลิตแบบกรด จึงไม่ทิ้งคราบด่างไว้บนกระจก
  • กระดาษคั่นสแตนเลส
  • กระดาษเบสรูปลอกเซรามิค
  • กระดาษขาวการ์ดขาวไปรษณียบัตร สำหรับพิมพ์แผ่นไปรษณียบัตร
  • กระดาษขาวการ์ดขาวลายผ้า
  • กระดาษบังสีรถยนต์


มาตรฐานขนาดของกระดาษ

      เนื่องจากมีการใช้กระดาษกันอย่างกว้างขวาง จึงจำเป็นต้องมีการกำหนดมาตรฐานของขนาดกระดาษขึ้นนอกเหนือจากการกำหนดมาตรฐานด้านอื่น ๆ ทั้งนี้เพื่อสะดวกต่อการใช้งานและการสื่อสารกัน ตลอดจนการซื้อขายแลกเปลี่ยนกัน
มาตรฐานรหัสชุด A
2A
1189  x 1682 mm.
46.81  x  66.22 in.
A0
 841  x 1189 mm.
33.11  x  46.81 in.
A1
 594  x   841 mm.
23.39  x  33.11 in.
A2
 420  x   594 mm.
16.54  x  23.39 in.
A3
 297  x   420 mm.
 11.69  x  16.54 in.
A4
 210  x   297 mm.
   8.27  x  11.69 in.
A5
 148  x   210 mm.
  5.83  x   8.27 in.
A6
 105  x   148 mm.
  4.13  x   5.83 in.
A7
   74  x   105 mm.
  2.91  x   4.13 in.
A8
   52  x    74 mm.
  2.05  x   2.91 in.
A9
   37  x    52 mm.
  1.46  x   2.05 in.
A10
   26  x    37 mm.
  1.02  x   1.46 in.
มาตรฐานรหัสชุด B

B0  1000  x 1414 mm. 39.37  x  55.67 in.
B1  707  x 1000 mm. 27.83  x  39.37 in.
B2  500  x   707 mm. 19.68  x  27.83 in.
B3  353  x   500 mm.  13.90  x  19.68 in.
B4  250  x   353 mm.    9.84  x  13.90 in.
B5  176  x   250 mm.   6.93  x    9.84 in.
B6  125  x   176 mm.   4.92  x    6.93 in.
B7    88  x   125 mm.   3.46  x    4.92 in.
B8    62  x     88 mm.   2.44  x    3.46 in.
B9    44  x     62 mm.   1.73  x    2.44 in.
B10    31  x     44 mm.
  1.22  x    1.73 in
มาตรฐานรหัสชุด C
C0  917  x 1297 mm. 36.10  x  51.06 in.
C1  648  x   917 mm. 25.51  x  36.10 in.
C2  458  x   648 mm. 18.03  x  25.51 in.
C3  324  x   458 mm.  12.76  x  18.03 in.
C4  229  x   324 mm.    9.02  x  12.76 in.
C5  162  x   229 mm.   6.38  x    9.02 in.
C6  114  x   162 mm.   4.49  x    6.38 in.
C7    81  x   114 mm.   3.19  x    4.49 in.
C8    57  x     81 mm.   2.24  x    3.19 in.
C9    40  x     57 mm.   1.57  x    2.24 in.
C10    28  x     40 mm.   1.10  x    1.57 in.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้